ผลงาน ของ มานูเอ็ล น็อยเออร์

ชัลเคอ 04

น็อยเออร์ในปี ค.ศ. 2005

น็อยเออร์เซ็นต์สัญญาเป็นผู้เล่นตัวจริงในปี ค.ศ. 2005 หลังจากผ่านการอบรมในทุกช่วงอายุของสโมสรบ้านเกิด เขาเปิดตัวในบุนเดิสลีกาเมื่อเขาลงแข่งแทนฟรังก์ รอสท์ในฤดูกาล 2006-2007 ดวัยเพียง 20 ปี เขาก็สามารถดำรงตำแหน่งนี้แทนรอสท์ที่ฟอร์มตกลงจากนัดที่พบกับไบเอิร์นมิวนิกด้วยวัยเพียงเท่านี้ เขาได้รับการคาดหวังว่าจะเป็นผู้มารับตำแหน่งต่อจาก เยนส์ เลห์มันน์ ให้กับทีมชาติเยอรมนี[7]

น็อยเออร์ในปี ค.ศ. 2007

วันที่ 5 มีนาคม ค.ศ.​ 2008 ในรอบแรกของการแข่งขันฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกซึ่งพบกับสโมสรฟุตบอลโปร์ตู น็อยเออร์ได้ช่วยประคองทีมด้วยการเซฟ และทำให้เกมดำเนินไปจนถึงการยิงลูกโทษ อีกทั้งเขายังสามารถเซฟลูกโทษของ บรูนู อัลวึชและ ลีซังดรู โลปึช ทำให้ชัลเคอสามารถผ่านเข้าไปยังรอบก่อนชิงชนะเลิศ(ควอร์เตอร์ไฟนอล)ได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้เป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะได้รับรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมแห่งปีจากยูฟ่า เขาเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดและเป็นผู้เล่นคนเดียวจากบุนเดิสลีกาที่มีชื่อติดอยู่ในรายชื่อ[8] เขายังเป็นผู้เล่นเพียง1ใน3ที่ลงเล่นทุกนาทีในทุกนัดบุนเดิสลีกา ในฤดูกาล 2007-2008

ในฤดูกาล 2008-2009 ชัลเคอรั้งอันดับแปดในลีก และพลาดตำแหน่งในยูโรปาลีก อย่างไรก็ดี เขาได้โชว์ความสามารถในรายการ ยูโรเปียนแชมเปียนชิป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ทำให้เขาได้รับความสนใจจากไบเอิร์นมิวนิก ซึ่ง คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมอนิเกอ ประธานสโมสรได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขาสนใจที่จะดึงน็อยเออร์มาร่วมทีมด้วย แต่อย่างไรก็ตาม เฟลิกซ์ มากัท ผู้จัดการทีมคนใหม่ของชัลเคอยังคงยืนยันว่า น็อยเออร์จะเล่นให้ชัลเคอในฤดูกาลหน้า[9] ในเดือนพฤศจิกายน น็อยเออร์เป็นผู้รักษาประตูชาวเยอรมันคนเดียวที่มีชื่อติดอยู่ใน1ใน5ผู้เข้าชิงตำแหน่งในทีมแห่งปีของยูฟ่า[10]

สำหรับฤดูกาล 2010-2011 น็อยเออร์ได้รับตำแหน่งเป็นกัปตันทีม เขาได้พาทีมเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้เป็นครั้งแรก เขายังมีส่วนร่วมในชัยชนะของทีมในการแข่งเดเอ็ฟเบโพคาลในฤดูกาลสุดท้ายที่เขาลงเล่นกับสโมสร โดยชัลเคอสามารถเอาชนะเอ็มเอสเฟา ดุยส์บวร์กไปได้ด้วยคะแนน 5:0[11]

เมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 2011 น็อยเออร์ได้ประกาศว่าเขาจะไม่ต่อสัญญากับชัลเคอ ซึ่งจะหมดสัญญาลงในท้ายฤดูกาล 2011-2012[12] จนได้รับการวิจารณ์อย่างหนักจากกองเชียร์ชัลเคอ ซึ่งผิดหวังที่เขาจะทิ้งทีมไปอยู่กับฝั่งคู่ต่อสู้

ไบเอิร์นมิวนิก

ฤดูกาล 2011–12

น็อยเออร์เซฟลูกดวลจุดโทษของควน มาตาได้ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2012

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2011 ชัลเคอและไบเอิร์นมิวนิกได้ยืนยันว่าน็อยเออร์จะย้ายทีมมาเล่นให้กับไบเอิร์นมิวนิกในเดือนกรกฎาคมปีดังกล่าว[13] น็อยเออร์ได้เซ็นต์สัญญา 5 ปีซึ่งจะหมดอายุลงในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2016 ไบเอิร์นมิวนิกซื้อตัวน็อยเออร์ในราคาสูงถึง 22ล้านยูโร ทำให้น็อยเออร์กลายเป็นผู้รักษาประตูที่มีค่าตัวแพงเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ เป็นรองเพียงจันลุยจี บุฟฟอนหลังจากต้องเผชิญกระแสต่อต้านจากแฟนบอลบางส่วนผู้ไม่พอใจที่บาเยิร์นซื้อตัวผู้รักษาประตูชัลเคอ การประชุมระหว่างสโมสรและตัวแทนของกลุ่มผู้สนับสนุนจึงถูกจัดขึ้นในวันที่ 2 กรกฎาคม ปีเดียวกัน จากการประชุมได้ข้อสรุปว่าน็อยเออร์จะเป็น "สมาชิกของสโมสรอย่างเต็มตัว และควรได้รับการปฏิบัติต่ออย่างเคารพ รวมถึงกระแสต่อต้านจะต้องสิ้นสุดลง"[14] ช่วงสัปดาห์แรกในไบเอิร์นมิวนิก หลังจากทีมเสมอ 0-0 จากนัดกับฮอฟเฟนไฮม์ น็อยเออร์ทำลายสถิติการไม่เสียประตูต่อเนื่องยาวนานที่สุด[15]

เมื่อวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 2012 น็อยเออร์สามารถเซฟจุดโทษของ คริสเตียโน โรนัลโด และ กาก้า เขายังช่วยบาเยิร์นในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกกับเรอัลมาดริด หลังจากจบนัด น็อยเออร์ได้ออกมาเปิดเผยว่าเขาศึกษาวิธีที่โรนัลโดยิงลูกโทษ "ผมมักจะเตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์ต่างๆเสมอ โทนี ทาพาโลวิช ผู้ฝึกสอนผู้รักษาประตูของทีม ได้เปิดวิธีที่โรนัลโดมักยิงจุดโทษให้ผมดูบนแลปทอปของเขา ผมได้เรียนรู้ว่าโรนัลโดมักจะยิงจุดโทษไปทางฝั่งซ้ายล่างของเขา ผมเดาว่าเขาคงเลือกยิงจากจุดประจำของเขา"[16]

น็อยเออร์ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2011–12 กับเชลซี และนัดนั้นก็จบลงด้วยการยิงจุดโทษ น็อยเออร์เป็นผู้ยิงจุดโทษคนที่สามทำให้ทีมได้คะแนน และเซฟจุดโทษแรกจากควน มาตา แต่ไม่สามารถเซฟลูกที่เหลือได้ ทำให้ไบเอิร์นมิวนิกเป็นฝ่ายแพ้ในอัลลิอันซ์อาเรนาด้วยคะแนน 4-3 และพลาดถ้วยรางวัลอย่างน่าเสียดาย

ฤดูกาล 2012–13

ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2012–13 รอบแพ้คัดออก น็อยเออร์ทำสถิติไม่เสียประตู 4 นัดติดต่อกันจากนัดกับสโมสรฟุตบอลยูเวนตุสและบาร์เซโลนา ในรอบชิงชนะเลิศของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2012–13 น็อยเออร์สามารถเซฟได้ถึง 8 ประตู ช่วยให้ไบเอิร์นมิวนิกสามารถคว้าแชมป์สมัยที่ 5 ไปได้

ฤดูกาล 2013–14

ในฤดูกาล 2013–14 น็อยเออร์ทำให้ไบเอิร์นมิวนิกชนะเลิศยูฟ่าซูเปอร์คัพ ฤดูกาล 2013 หลังจากที่เซฟลูกจุดโทษสุดท้ายในนัดที่พบกับเชลซี ทำให้เมื่อวันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 2014 น็อยเออร์ได้รับตำแหน่งเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดแห่งปี ค.ศ. 2013[17] วันที่ 9 กุมภาพันธ์ในนัดระหว่างไบเอิร์นมิวนิกและอาร์เซนอลในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2013–14 รอบแพ้คัดออก น็อยเออร์เซฟจุดโทษของเมซุท เออซิล ในเกมที่ชนะด้วยคะแนน 2–0 วันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 น็อยเออร์ได้ขยายสัญญากับสโมสรต่อไปจนถึงปี ค.ศ. 2019[18]

ฤดูกาล 2014–15

ในฤดูกาล 2014–15 น็อยเออร์ได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลแห่งปีของประเทศเยอรมนี[19] ได้รับโหวตให้อยู่ในทีมแห่งปีของยูฟ่า[20] และได้รับอันดับสามจากรางวัลฟีฟ่าบาลงดอร์ 2014[21]

เมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 2015 น็อยเออร์ลงเล่นให้กับทีม[22] ในเกมที่พ่ายให้กับว็อลฟส์บูร์กไปด้วยคะแนนถึง 4–1[23] ทำให้กลายเป็นเกมแรกตั้งแต่น็อยเออร์ร่วมทีมในปี ค.ศ. 2011 ที่น็อยเออร์เสียไปถึง 4 ประตู จากครั้งล่าสุดที่ไบเอิร์นมิวนิกเสีย 4 ประตูในนัดกับโวล์ฟสบวร์ก เมื่อ 4 เมษายน ค.ศ. 2009[23]

วันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 2015 น็อยเออร์เป็นหนึ่งในผู้ที่พลาดจุดโทษในรอบรองชนะเลิศเดเอ็ฟเบโพคาล กับโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์[24]

ฤดูกาล 2015–16

น็อยเออร์เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ด้วยการเสมอ 1–1 กับเฟาเอฟเอล ว็อลฟส์บูร์ก ในเดเอฟเอล-ซูเปอร์คัพ[25][26] โดยว็อลฟส์บูร์กเป็นผู้ชนะจากการดวลจุดโทษ[26] วันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 2016 น็อยเออร์ขยายสัญญาใหม่กับบาเยิร์นไปจนถึงปี ค.ศ. 2021

แหล่งที่มา

WikiPedia: มานูเอ็ล น็อยเออร์ http://www.bbc.com/sport/0/football/28274011 http://www.bbc.com/sport/0/football/30783885 http://www.bbc.com/sport/live/football/32483389 http://www.dw.com/en/bayern-munich-open-2015-16-bu... http://www.fifa.com/worldfootball/clubfootball/new... http://www.fifa.com/worldfootball/clubfootball/new... http://www.fifadata.com/document/FCWC/2013/pdf/FCW... http://www.ghanaweb.com/GhanaHomePage/SportsArchiv... http://soccernet.espn.go.com/news/story/_/id/90941... http://www.goal.com/en/news/1716/champions-league/...